ในช่วงพิธีเปิด เอกอัครราชทูตฯ กล่าวเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมราชบพิตร ที่ทรงริเริ่มโครงการในพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ ในการพัฒนาประเทศตามปรัฐชาเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของพสกนิกรชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการพัฒนาดินและน้ำ ทำให้พระองค์ได้รับการถวายพระเกียรติคุณจากสหประชาชาติ ซึ่งกำหนดให้ทุกวันที่ 5 ธันวาคมเป็นวันดินโลก เอกอัครราชทูตฯ กล่าวถึงความสัมพันธ์ที่ยาวนานระหว่างไทยกับอิตาลี ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในด้านการค้าและการลงทุน การป้องกันประเทศ ตำรวจ อวกาศ การศึกษาและวัฒนธรรม ตลอดจนความร่วมมือระหว่างกันภายใต้หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของอาเซียน-อิตาลี (Italy-ASEAN Development Partnership) และหวังว่าไทยจะสามารถพัฒนาความร่วมมือกับอิตาลีได้มากขึ้นเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยไทยตั้งใจที่จะเพิ่มโอกาสทางการค้าและการลงทุนกับอิตาลีภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนา Bio-Circular-Green Economy (BCG) และในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของไทย ในโอกาสดังกล่าว นาง Schiavo แขกเกียรติยศ ได้กล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับพลวัตของความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-อิตาลี ทั้งในด้านการค้า ซึ่งไทยเป็นตลาดใหญ่อันดับสองของอิตาลีในอาเซียน การลงทุนของอิตาลีในไทย การท่องเที่ยว วัฒนธรรม ความร่วมมือด้านปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และความร่วมมือในระดับประชาชน โดยเห็นว่าในอนาคตทั้งสองฝ่ายควรมุ่งมั่นที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือด้านการคมนาคม พลังงานทดแทน เทคโนโลยีชีวภาพ บรรจุภัณฑ์ การแปรรูปอาหารเกษตร และยานยนต์ นอกจากนี้ ได้กล่าวถึงการส่งเสริมความร่วมมือกับไทยในกรอบอาเซียน-อิตาลีผ่านการหารือและโครงการต่าง ๆ |